clickPay
ปณิธานของมูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ
หนึ่งการให้ เพื่อคนไทยของพระราชา
เรื่องราวการลงมือทำให้เห็น รวมพลังให้ประจักษ์ นำรอยยิ้มคืนสู่ชุมชน เติมเต็มหัวใจของคนไทยให้เข้าใจคำว่า “อิ่มอกอิ่มใจ” อีกครั้ง
ในหลวง
การเกิดขึ้นของ “มูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ” และการลงมือทำทันที ของคุณจิณิณ ตระการสืบกุล ประธานมูลนิธิฯ มิได้เป็นเพียงแค่การดำเนินงานเพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่ผืนแผ่นดินไทย ตามแนวทางที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยหลักทศพิธราชธรรม อันมีหลัก “พุทธ” เป็นเครื่องมือนำทางเท่านั้น

แต่การตกตะกอนความคิด การมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวอันมีจุดเริ่มต้นจาก “บ้าน” แหล่งบ่มเพาะรากแก้วอันแข็งแรงของสังคมเริ่มอ่อนแอและเสื่อมถอย เปิดประตูให้อันตรายจากภัยทุนนิยม เข้ามากัดกินสมาชิกแต่ละคนในครอบครัว จนทำให้ “บ้าน” ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแรงเริ่มเสื่อมสลาย เยาวชนซึ่งเป็นผลผลิตของบ้านเติบโตโดยขาดหลักยึดที่มั่นคง ปมปัญหาของครัวเรือนผสานความเจ็บปวดเมื่อได้พบและเห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เทิดทูนยิ่งกว่าชีวิตถูกกล่าวถึงในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะความไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก และไม่ได้สัมผัส คือแรงผลักดันที่กลั่นเป็นพลังของการลงมือทำ คิดค้นวิธีการแก้ปัญญาตั้งแต่ฐานราก

ด้วยการเติมเม็ดพันธุ์ที่ดี เพิ่มพลังงานบวก คืน “ความเป็นคนไทย” ที่เต็มไปด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เชื่อใจ จริงใจต่อกัน กลับสู่สังคมไทยอีกครั้ง โครงการเล็ก ๆ จากหัวใจที่ยิ่งใหญ่โครงการแรกของมูลนิธิฯ จึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นที่โรงเรียนบ้านปรางคล้า ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โรงเรียนบ้านปรางคล้า
โรงเรียนบ้านปรางคล้ามีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับโรงเรียนที่สามารถพบได้ทั่วไปในต่างจังหวัด แต่สิ่งที่ประธานมูลนิธิฯ ค้นพบคือ ความตั้งใจและความเต็มใจของคุณครูที่ต้องการดำเนินตามรอยพระราชา มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด และผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีหัวใจของนักพัฒนาอย่างเต็มเปี่ยม กระบวนการคิดที่ต้องการสร้างเมล็ดพันธุ์ดีตัวน้อยจึงเริ่มนับหนึ่งขึ้นที่นี่ การระดมพลังผู้มีความสามารถและหัวใจที่พร้อม “ให้” ผนึกรวมกับเจตนารมณ์อันแข็งแกร่ง โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์เขาใหญ่เพื่อสังคม จึงแตกต่างกับ “การพัฒนา” จากบนลงล่างซึ่งเป็นแนวทางที่ปรากฎได้ทั่วไป แต่คือการลงหลักปักฐานของ “งาน” ที่เกิดจาก “ความรักในแผ่นดินเกิดและสถาบันพระมหากษัตริย์” อย่างแท้จริง
การกำหนดให้ “โรงเรียน” คือจุดเริ่มต้นของงานที่ยิ่งใหญ่
มีเจตจำนงค์ให้การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ “เยาวชน”
ผู้เป็นพลัง เป็นความหวัง และเป็นอนาคตของชาติ

การสร้างให้ “เยาวชน” เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
จะแผ่ขยายความรู้สึกมั่นใจ และรักในตนเองไปสู่ครอบครัว เพื่อน ๆ ในโรงเรียน
จากหนึ่งเป็นสอง แผ่ขยายไปสู่ท้องถิ่น ชุมชน จังหวัด และประเทศชาติ
     การเริ่มต้นโดยไม่รีรอโดยมี “ทุนเมตตานิยม” เป็นเครื่องนำทาง คือการนำพลังของภาคเอกชน ผ่านมูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ สร้างการเปลี่ยนแปลง ลงหลักปักฐานให้ “เขาใหญ่” แผ่นดินอันเป็นที่รักเป็นต้นทาง เป็นตัวอย่างของพื้นที่สร้างเมล็ดพันธุ์ดี ต้นแบบที่ดีให้แก่สังคมทั่วประเทศ
     การนำหลักคิดการพัฒนาที่ไม่หยุดเพียงการ “สร้างคนดี” แต่ยังมุ่งสร้าง “รายได้” ให้เกิดการไหลเวียนในชุมชนอย่างยั่งยืนก้าวต่อไปของมูลนิธิฯ คือการสานฝันให้ “เขาใหญ่” เป็นพื้นที่ซึ่ง “การพัฒนา” เกิดขึ้นในทุกๆ วัน ความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนคำว่า “เป็นไม่ได้” ให้มีแต่คำว่า “เป็นไปได้” และ “สร้างโอกาส” ให้กับชาวเขาใหญ่ คนปากช่อง การลงมือทำของมูลนิธิอิ่มอกอิ่มใจ วันนี้คือการระดมสรรพกำลังของทุกภาคส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเขาใหญ่ในทุกมิติ
โครงการอิ่มอกอิ่มใจ
จาก “โรงเรียน” สู่ “แหล่งเรียนรู้”
แหล่งกำเนิดความดี พื้นที่แห่งความอิ่มอกอิ่มใจที่พัฒนาความสามารถเด็กตัวเล็กๆ ให้เป็นมัคคุเทศน์ตัวน้อย ที่เข้าใจทั้งประวัติศาสตร์เรื่องราวในท้องถิ่น ที่สำคัญคือเปี่ยมไปด้วยสำนึกรักในสถาบันพระมหากษัตริย์และแผ่นดินไทย
จาก “สถานที่ท่องเที่ยว” สู่ “พื้นที่สร้างสรรค์”
พื้นที่ที่ทำให้สินค้าจากโรงเรียน บ้าน วัด และสินค้าของชุมชน ร่วมแรงร่วมใจผลิตอย่างมีคุณภาพ สร้าง “อุปสงค์” อย่างไร้ขีดจำกัด
จาก “เขาใหญ่” สู่ “ต้นแบบการพัฒนาทั่วประเทศ”
นำรายได้กลับสู่ครัวเรือน พาคนรุ่นใหม่กลับบ้าน ทำให้คนในพื้นที่เห็นคุณค่าที่เกิดขึ้นจริงบนผืนแผ่นดินของตนเอง
โครงการอิ่มอกอิ่มใจ
“แต่ว่า ราชา ของฉัน
ทรงเหนื่อยล้า มามากมาย
ลำบากเพื่อเรา
คนไทยทุกๆ คน…”
วันนี้เสียงร้องเพลง “พระราชาในนิทาน” จากนักเรียนระดับประถมศึกษาโรงเรียนบ้านปรางคล้า พระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมด้วยพระราชินีและพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อให้เกิดน้ำตารื้นด้วยความปิติในหัวใจประทับความรู้สึก “อิ่มอกอิ่มใจ” แก่ผู้มาเยือนทุกคน
     การเข้าใจถึงความสุขของการเป็น “ผู้ให้” เป็นพลังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล ดังคำที่ว่า “น้ำอันน้อยนิดไม่อาจจะดับเพลิงที่เผาไหม้อย่างรุนแรงและกว้างขวาง การจะดับเพลิงที่รุนแรงได้นั้น “น้ำ” ไม่เพียงต้องมีมากพอ แต่ยังต้องมี “แรงน้ำ” ที่เกินกว่ากำลังไฟ” หากวันนี้พวกเราทุกคนรวมพลังกันเป็น “น้ำ” ไม่นานความชุ่มเย็นจะกลับคืนสู่แผ่นดินไทย พร้อมกับ “ความอิ่มอกอิ่มใจ” อีกครั้ง
     ... ลูกจะทำแต่ความดี เหมือนที่พ่อเคยสอนมา เพื่อให้พระราชาหลับสบาย
โครงการอิ่มอกอิ่มใจ